Review : Sindhorn Kempinski โอเอซิสใจกลางกรุงเทพต้องห้ามพลาด

Last updated: 1 ก.พ. 2565  |  1309 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Review : Sindhorn Kempinski โอเอซิสใจกลางกรุงเทพต้องห้ามพลาด

Sindhorn Kempinski อีกหนึ่งมุมมองใหม่ใจกลางกรุงเทพ เรียกว่าเปิดอีกโลกหนึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีสวนสีเขียว กลางกรุงเทพแบบนี้เงียบสงบแม้ว่าจะดูภายใต้ย่านธุรกิจชื่อดังอย่างสินธรวิลเลจ เดินทางง่ายสะดวกไม่ไกลจากย่านลุมพีนีมากนักหากมีโอกาสต้องมาลองสักครั้งเพราะทุกอย่างบอกเลยว่ามันดีจริงๆครับ



หากถามว่าทำไมต้องเป็นสินธร ? เราคงบอกได้ว่ามันคือการ connecting nature and the city การตกแต่งต่างๆเหมือนได้บูรณาการศิลปะร่วมสมัยเข้ากับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว สมบูรณ์ ภายใต้คอนเซ็ปท์คงอยู่ในสวนแบบธรรมชาติ นับว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เปิดใหม่ที่น่ามาท่องเที่ยว พักผ่อน สูดกลิ่นอายความสดชื่นของสวนหย่อมเล็กๆที่อยู่ภายในบริเวณโรงแรม




เมื่อมาถึงอย่าลืม เช็คอินยื่นบัตรที่ล็อบบี้กับ Red Lady กันนะครับเมื่อเช็คอินเรียบร้อยทางเขาจะพาเราขึ้นไปส่งที่ห้องด้านบนพร้อมอธิบายรายละเอียดการใช้งานต่างๆ มินิบาร์ 



วันนี้เราพักห้อง Grand Deluxe Room อีกหนึ่งห้องที่ใหญ่เป็นพิเศษกว้างมากถึงหกสิบกว่าตารางเมตร นี่ขนาดแค่ห้องแกรนด์นะ ถ้าห้องสวีทไม่อยากจะนึกว่ามันจะหรูขนาดไหน การตกแต่งโทนขาวครีมดูโมเดิร์นสว่างและสบายตา




อีกหนึ่งจุดเด่นคือความมีหน้าต่าง กระบานใหญ่เป็นพิเศษ ดูโดดเด่นสะดวกสบายมากกว่าที่เคยพร้อมบาร์โคนี่เล็กๆน่ารักให้เราได้ออกไปนั่งชิวด้านนอกมองเห็นมุมมอง มิติใหม่ๆของสินธรวิลเลจได้อีกด้วย


จุดเด่นของโรงแรม Sindhorn Kempinski นอกจากความหรูหราของเขาแล้ว ยังมีกลิ่นอายความร่วมสมัยความเป็นไทยของห้องพัก ค่อนข้างกว้างระดับนึงเหมาะแก่การพาคนที่เรารักหรือคนรู้ใจมาพักผ่อนในวันพิเศษ




ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว มีการแยกออกกันอย่างชัดเจนเพื่อให้เก็บของ ทำธุระได้เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น Amenities ที่ใช้เป็นของ RITUALS . . . กลิ่นพิเศษผสมผสานความเป็นกลิ่นส้มเข้ากันกับซีดาร์วูด 




อ่างน้ำค่อนข้างกว้างแช่คนเดียวอาจจะเหงาไปนิดแนะนำชวนคนข้างๆมาอาบด้วยกันน่าจะฟินคูณสอง ถ่ายรูปก็สวย แช่น้ำก็ดี ลองคิดดูน้ำอุ่นๆอาบสบายกลิ่นส้มของเขาทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ยิ้มแบบสมายกันไปเลยจ้า




Flourish ห้องอาหารหลักของโรงแรมเปิดให้บริการทั้งอาหารเช้า กลางวันเย็น เป็นแบบ all day dining เหมาะสำหรับพาครอบครัวหรือคนรู้ใจมารับประทานอาหาร เน้นย้ำ !! มาที่นี่ต้องออเดอร์อาหารไทย เราว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดกันเลยทีเดียว




วันนี้เราได้ลองผัดวุ้นเส้น ผัดไทยกุ้งสด พะโล้แกงรัญจวน แกงเหลือง และ ฉู่ฉี่ ส่วนตัวรสชาติค่อนข้างไปในทางโบราณอร่อยกลมกล่อม หวานเปรี้ยวหวานมาจากน้ำมะขามนอกจากความเปรี้ยวหวานที่ได้ กลับเพิ่มเติมเรื่องของความสดชื่นมากยิ่งขึ้น พะโล้คือแบบโบราณจริงๆ แต่ไฮไลต์ที่เราอยากให้ลองแบบ Must Try จริงๆคือคุณต้องกินแกงรัญจวนเมนูที่เราคิดว่าไม่มีอะไร แต่อร่อยกลมกล่อม สดชื่นแบบไม่น่าเชื่อ




ของหวานปิดท้ายที่ผมบอกว่าพึ่งเคยทาน และ เป็นสิ่งที่เราชอบมากๆคือ “ ส้มฉุน “ ด้านในเป็นซอลเบย์โรยด้วยลิ้นจี่ ลูกพีช มีตัดด้วยหอมเจียวและขิงให้รสชาติตัดกัน แต่สดชื่นในแบบขนมไทยเป็นเมนูที่น่าจะถูกปากถูกใจคนไทยเป็นอย่างมาก หรือแม้แต่ฝรั่งที่อยากลองขนมหวานไทยๆ เราก็แนะนำว่าลองเถอะถูกใจกันอย่างแน่นอนจ้า





Wellness Center ใจกลางธรรมชาติสัมผัสประสบการณ์ใหม่ทั้งสปาและสระว่ายน้ำอยู่ชั้นเดียวกัน สระว่ายน้ำค่อนข้างกว้างใหญ่ ใครอยากได้แสงสวยๆไม่ใช่ช่วงเช้าแต่ช่วงกลางวันหรือช่วงก่อนบ่ายสามโมงแสงจะเข้าสะท้อนน้ำด้านในออกมาสีฟ้าคราม มาพร้อมบิกินี่แสนสวย หรือพร๊อพเก๋ๆคือดีมาก



การตกแต่งของสระว่ายน้ำที่นี่เป็นสไตล์แบบคอนเทมโพรารีผสมผสาน อีกหนึ่งไฮไลต์พร้อมวิวพานอราม่าเห็นกรุงเทพฯกันได้แบบ 180 องศาถ้าใครอยากมารีแลกซ์ถ่ายรูปสวยๆสบายๆแล้วหล่ะก็ห้ามพลาดเลยหล่ะ



Retreat Relax and Recharge ให้เวลาพาความสุขมาให้ตัวเองมาก ผ่อนคลายยิ่งขึ้นกับสปาของโรงแรม Sindhorn Kempinski  ที่ Sindhorn Wellness by. Resense ค่อนข้างไพรเวท สงบใครที่เข้ามาบอกเลยว่าได้รับประสบการณ์ใหม่ๆกันอย่างแน่นอน




วันนี้ผมได้ลอง Hydrotherapy & Detox มันคือการใช้น้ำในการทำสปาชั้นสูงช่วยฟื้นฟูผิวผสมผสานความร้อน และ ความเย็นของน้ำ มีการนวดผ่อนคลายเบาๆให้แก่ระบบหมุนเวียนโลหิต และ ระบบน้ำเหลืองของร่างกาย



เราเริ่มต้น้วย Flotation Pool แช่ลงไปในอ่างละม้ายคล้ายจากุสชี่ แช่เบาๆให้แรงดันน้ำนวดและมีผงช่วยดีท็อกซ์ผิว ต่อด้วยการพอกสาหร่านและนวดคลึงเบาๆด้วยแรงดันน้ำด้านล่างโดย Dry Flotation อันนี้สบายจริงแกคือชั้นเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว แต่ถามว่ามันลึกถึงระดับกล้ามเนื้อแบบ Tissue Massage ไหมบอกได้ว่าไม่เหมือนแต่มันเบากว่านั้น เรียกว่าต้องมาลองเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ใหม่ของเราเลยทีเดียว




อาหารเช้าเรายังคงทานกันที่ห้องอาหาร Flourish เป็นไลน์บุฟเฟต์ส่วนหนึ่ง แต่ก็มีเมนูต่างๆให้เราสั่งกันได้แบบ Ala carte All you can eat กันเลยเบาๆเมนูไข่อร่อยนะมีหลากหลาย แต่ส่วนคตัวของไปทานอาหารไทยแบบข้าวต้มกุ้ง และหมูปิ้งมันฟินกว่าเยอะ 




ซึ่งเอาตรงๆที่นี่มีให้เลือกทั้งแบบ American Breakfast และ Asian Style ชอบแบบไหนลองได้ตามใจชอบ เช้านี้เราเลือกดินเนอร์ในสวนท่ามกลาง Sindhorn Kempinski Garden ด้านหน้ามันดี ร่มรื่นมากกว่าที่เราคิดเอาไว้ แอบกระซิบว่ามีน้ำมะพร้าวให้ดื่มเติมความสดชื่นด้วยนะครับ





สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดเราแนะนำว่าใครมา Sindorn Kempinski ไม่ได้ทาน Afternoon Tea คือมาไม่ถึงจริงๆด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของเซ็ตอาฟเตอร์นูนทีที่ไม่เหมือนที่ไหน บอกเลยว่าต้องมาลองแค่มาถ่ายรูปเก๋ๆ กับอาฟเตอร์นูทีมันก็ฟินแล้วไม่ว่าใครๆมาเห็นก็ต่างอิจฉาด้วยความที่ว่า ก็แล้วไงชั้นมาอาฟเตอร์นูนที Sindhorn Kempinski สวยๆไปอีก


โดยชาที่ใช้จะเป็นชาออแกนิก มีให้เลือกด้วยนะว่าเธอจะเอาแบบวีแกน หรือ แบบปกติซึ่งจะมีทั้งของคาวและของหวานผสมผสานกันไป สโคนอร่อยมากแป้งนุ่มทำสดจากทางโรงแรมกันเอง อบใหม่พร้อมทั้งบรรยากาศของล็อบบี้ที่นี่ทำให้ Afternoon Tea ของเขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆครับ




สำหรับใครที่กำลังมองหาโรงแรมระดับ Ultra Luxury ใจกลางเมืองเราแนะนำว่า Sindorn Kempinski ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆทั้งเรื่องของการบริการ เรื่องของมุมถ่ายรูปตกแต่งเราให้เต็มร้อย สมกับเป็น Wellness Hotel โดยส่วนตัวเราคิดว่ามันมากกว่าโรงแรม 5 ดาวทั่วไป อาจจะเป็น Uper Scale Hotel อีกขั้นนึงเลยก็ว่าได้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สำหรับเราใครอยากหาที่พักสวย หรู ดูแพงแบบมีระดับ Sindhorn Kempinski ควรค่าแก่การมาลองไม่ว่าจะเป็นการให้รางวัลตัวเอง หรือ ให้รางวัลคนที่เรารัก


รายละเอียดเพิ่มเติม : 

https://www.kempinski.com/en/bangkok/sindhorn-hotel/

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้