[ Review ] Sapa : ยุโรปในฝัน อัศจรรย์แห่งเอเชีย

Last updated: 29 พ.ย. 2561  |  1210 จำนวนผู้เข้าชม  | 

[ Review ] Sapa : ยุโรปในฝัน อัศจรรย์แห่งเอเชีย

 
 
 
สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาอีกหนึ่งรีวิวที่แอดมินเก็บไว้มานานมากมาย
 
กับการท่องเที่ยวประเทศเวียดนามครั้งแรกของเรา บอกเลยว่าสนุก สุด เสียว 
 
และ ฟิน ไปตามๆกันกับ  “ ซาปา “ อีกหนึ่งสถานที่ Slow Life ในฝัน
 
ของใครหลายๆคน ใครที่กำลังหาสถานที่พักผ่อนชิวๆ พักสมองเบาๆ
 
ลองอ่านรีวิวนี้แล้วเตรียมเก็บกระเป๋าไปลุยกันเลย
 
 
 
 
Sapa อีกหนึ่งเมืองต้องห้ามพลาดสัมผัสความหนาว และ
 
อ้อมกอดของขุนเขาท่ามกลางสายหมอก บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเมือง
 
ที่มาไม่ยาก สามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทางให้เพื่อนๆได้มาผ่อนคลาย
 
ใช้ชีวิตชิวๆสักพัก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆสำหรับใครหลายๆคน
 
 
 
 
 
เริ่มต้นเราจะต้องเดินทางมาที่เมือง Hanoi ก่อนโดยครั้งนี้
 
เราบินโดยสายการบิน Vietjet บินตรงลงสู่สนามบินนอยไบ
 
เมืองฮานอย ประเทศเวียตนาม สะดวกสบายแถมใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงแล้ว
 
 

 

โดยภายในเครื่องบินถูกจัดที่นั่งแบ่งเป็น 3-3 บินด้วยเครื่อง

Airbus A321 จิ๋วแต่แจ๋วเพราะว่าที่นั่งของเขานั่งสบายมากกว่า

เครื่อง A320 นอกจากนี้สำหรับใครที่หิวระหว่างการเดินทาง

ก็สามารถออเดอร์อาหารกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องได้เช่นกันครับ



อ่านรีวิวฉบับเต็ม Vietjet Air ได้ที่ : https://bit.ly/2DyM5wY

 

 

สำหรับการเดินทางไปยังเมืองซาปา บอกก่อนว่ามี 2 วิธีให้เพื่อนๆได้เลือก

ได้แก่ Mini Bus และ Train โดยการจองสามารถเช็คผ่านเอเจนซี่

ในอินเตอร์เน็ตได้เลย แต่วิธีที่เราใช้ในวันนี้จะเดินทางโดยรถไฟ

โดยจะต้องนั่งจากสถานี Hanoi ไปลง สถานี Lao Cai ก่อน

แล้วค่อยต่อรถไฟซาปากัน ใช้เวลาเดินทางสิริรวม 8 ชั่วโมง

เนื่องจากเราอยากลองเดินทางชิวๆฟิวแบบไม่รีบมากไปยังเมืองซาปา

 

 

โดยรถไฟที่เราเดินทางในวันนี้หลังจากอ่านรีวิวมานานแสนนาน

เราก็เลือกรถไฟของ Sapaly เนื่องจากสะอาดและดูแล้วคุ้มค่า

มากที่สุดในหลายๆอย่าง โดยปกติแล้วห้องหนึ่งบนรถไฟนั้น

จะแบ่งออกได้ทั้งหมด 4 เตียงด้วยกัน ซึ่งถ้านอนครบทั้ง 4 เตียง

เราจะเหลือค่าโดยสารรถไฟต่อเที่ยวประมาณ 1,000 บาท

แต่ถ้าอยากเหมาห้องหนึ่งไปเลยก็จ่ายทั้ง 4 เตียง ก็สามารถทำได้เช่นกันครับ

 

 

ภายในห้องครั้งนี้เราได้เหมาห้องและนอนทั้งหมดสองคน

ทางเจ้าหน้าที่ก็จะจัดให้สองเตียงซ้ายขวาโดยพับเตียงข้างบนขึ้นไป

พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายภายในห้อง แถมห้องน้ำที่นี่

ยังสะอาดและไม่ไกลจากตัวห้องมากนัก ใครหิวยามดึกๆ

ก็สามารถออกไปซื้ออะไรทานกันได้ด้วยครับ อ้อลืมบอกไป

ตอนเช้าเขามีบริการปลุกให้ตื่น และ กาแฟด้วยนะ

 

 

Sapa บอกเลยว่าหลังจากที่เราเดินทางจาก LaoCai มาสักพัก

ก็จะถึงเมืองในสายหมอก ท่ามกลางขุนเขาที่เขียวขจี

แอบมีความวุ่นวายของรถบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่เท่ากับในเมือง Hanoi

เพื่อนๆมาที่นี่จะไม่ได้เห็น 7-11 , Family Mart , Lawson

เนื่องจากประชากรของเขาทำธุรกิจค้าขายกันเอง 

นอกจากนี้ใครที่คิดว่าเวียตนามไม่หนาวคิดผิดนะจ๊ะ

ใครที่จะมาอย่าลืมเช็คสภาพอากาศให้ดีเพราะตอนที่

เราไปอุณหภูมิอยู่ที่ 18 องศา มีฝนและลมเป็นตัวแปร

เพราะฉะนั้นอย่าลืมพวกเสื้อหนาว หรือ โค๊ทกันลมกันฝนซักตัว

 

 

 

ส่วนบรรยากาศ ของที่นี่อารมณ์เหมือนเราอยู่ในโคเปนแฮเกนในเอเชีย

ได้ฟิวชมเมืองมินิยูโรปผ่านสายน้ำในม่านหมอก คือตรงนี้

จะเป็นทะเลสาบของเมืองซาปาซึ่งใครมาที่นี่ต้องแวะมาชมวิวทิวทัศน์

และ ถ่ายรูปสวยๆกลับไปฝากที่บ้าน เรียกว่าเป็นมุมบังคับกันเลยก็ว่าได้ 

 

 

สถานที่เที่ยวที่นี่มีค่อนข้างหลากหลายกันเลยทีเดียว

โดยครั้งนี้เราได้มีโอกาสชมเมืองภายในกันแล้ว ยังได้มีโอกาส

ไปชมวัฒนธรรม และ ศิลปความงามที่เคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส

ตามรายทางอาจมีภาษาฝรั่งเศสอยู่บ้างไม่ต้องตกใจ ทั้งนี้ยังมีโบสถ์

ร้านค้าตามรายทาง และ ร้านกาแฟเยอะมาก ค่าครองชีพไม่แพงอย่างที่คิด

 

 

หลังจากที่เราเดินเที่ยวชมเมืองกันเรียบร้อย เราก็จะเดินทางไป

“ฟานซิปัน” กันโดยเริ่มต้นที่สถานี Sun Plaza เพื่อตรงไปที่

ขึ้นกระเช้าของยอดเขาฟานสิปัน เขาเรียกว่าสูงที่สุดของอินโดไชน่ากันเลย

 

 

ใครบอกเวียดนามไม่หนาว อย่าดูถูกนางนะจ๊ะเพราะที่

“ฟานซิปัน” ที่เรามาในวันนี้ฤดูใบไม้ร่วงก็ 3 องศาหมอกหนามากจ้า

แต่ถ้าวันไหนฟ้าเคลียร์ๆหน่อยจะสวยมากบอกเลย 

 

 

 

กระเช้ามาแล้วเราขึ้นกระเช้าขึ้นไปด้านบนกัน ซึ่งเราว่าขึ้นไปด้านบน

คือสูงมากและหนาวมาก คือมันไม่ได้หนาวแห้งๆนะ มันหนาวและ

แอบมีละอองฝน ถ้าอุณหภูมิติดลบก็หิมะลงละจ้า ซึ่งหน้าหนาว

ที่นี่มีหิมะจริงๆ เหมาะสำหรับใครที่อยากเที่ยวชมหิมะ

แต่ไม่อยากไปที่ไหนไกลก็มาเวียดนามเลย

 

 

“ฟานซิปัน” จุดสูงสุดของยอดเขาอินโดไชน่า ความสูงอยู่ที่ 3,143 เมตร

จากผิวน้ำทะเล บอกเลยว่าขึ้นมาสัมผัสกับความเย็น และ ฟินกับสายหมอก

อย่างแท้จริง อย่าลืมถ่ายรูปสวยๆและบรรยากาศรอบๆกันด้วยนะครับ

 

 

ระหว่างทางลงเขาบอกจะมีที่พักตามรายทาง ทั้งวัดจีน และ อาคารต่างๆ

รวมถึงมีร้านค้าให้เราได้ซื้อของกันเล็กน้อยซึ่งครั้งนี้เราไม่ได้ถ่าย

อะไรมาเยอะมากเนื่องจาก หนาว และ ฝนตก จึงต้องบายพาส

นั่งรถรางรีบลงไปด้านล่างกันแทน แอบเสียดายกับสภาพอากาศในวันนี้มาก

 

 

 

สำหรับที่พักในวันนี้ของเราบอกก่อนว่าโชคดีที่เราได้จองห้องพัก

โปรโมชั่นจาก Hotels.com ไว้ล่วงหน้าเกือบสองเดือน ทำให้เราได้มีโอกาส

พักโรงแรมที่เรียกได้ว่า “ที่สุด” ของเมืองซาปานั่นคือ Topas Ecolodge

เพียงติดต่อกับ Topas Office ภายในเมืองก็จะมี Shuttle Bus พาเรา

ไปส่งที่โรงแรม บอกเลยว่าโปรนางเลิศมาก แต่จองยากเช่นกัน

ถ้าใครอยากมาพักฟินๆแบบนี้ต้องรีบจองกันเสียหน่อย




เช็ควันว่างเข้าพัก : https://bit.ly/2FGIaQC 

อ่านรีวิว Topas Ecolodge : https://bit.ly/2KAznOW

 

 

คือ H I L I G H T ที่นี่อยู่ที่การพักผ่อนแบบสุด Slow Life

เหมือนสวรรค์บนดินจริงๆแก คือมานอนนิ่งๆ แช่น้ำอุ่นๆ

ในสระ Infinity Pool ของเขาท่ามกลางนาขั้นบันได แมกไม้

และ สายหมอก แค่นี้ก็ฟินละ นอกจากบรรยากาศดีแล้ว บอกเลยว่า

ต้องยกให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่ง Dream Destination กันเลยจริงๆ

 



 แอบกรีดร้องอย่างแรงสำหรับสายชิว หากใครมีเวลา

ว่างสักสาม สี่ วัน แล้วอยากหาสถานที่ผ่อนคลายหยุดเวลา

ตัวเองสักพัก “ ซาปา “ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการเดินทาง

ที่ห้ามพลาดกันเลยทีเดียว มากับเพื่อนก็ได้ มากับแฟนก็ดี หรือ

จะพาครอบครัวมาเที่ยวก็สนุกไปอีกแบบ นอกจากจะได้สัมผัส

กับบรรยากาศสุดฟินแล้ว เพื่อนๆจะต้องหลงรักและ

อยากกลับมาที่นี่แบบ Admin อีกครั้งอย่างแน่นอน

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้