Last updated: 29 พ.ย. 2561 | 1135 จำนวนผู้เข้าชม |
โดยภายในเครื่องบินถูกจัดที่นั่งแบ่งเป็น 3-3 บินด้วยเครื่อง
Airbus A321 จิ๋วแต่แจ๋วเพราะว่าที่นั่งของเขานั่งสบายมากกว่า
เครื่อง A320 นอกจากนี้สำหรับใครที่หิวระหว่างการเดินทาง
ก็สามารถออเดอร์อาหารกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องได้เช่นกันครับ
อ่านรีวิวฉบับเต็ม Vietjet Air ได้ที่ : https://bit.ly/2DyM5wY
สำหรับการเดินทางไปยังเมืองซาปา บอกก่อนว่ามี 2 วิธีให้เพื่อนๆได้เลือก
ได้แก่ Mini Bus และ Train โดยการจองสามารถเช็คผ่านเอเจนซี่
ในอินเตอร์เน็ตได้เลย แต่วิธีที่เราใช้ในวันนี้จะเดินทางโดยรถไฟ
โดยจะต้องนั่งจากสถานี Hanoi ไปลง สถานี Lao Cai ก่อน
แล้วค่อยต่อรถไฟซาปากัน ใช้เวลาเดินทางสิริรวม 8 ชั่วโมง
เนื่องจากเราอยากลองเดินทางชิวๆฟิวแบบไม่รีบมากไปยังเมืองซาปา
โดยรถไฟที่เราเดินทางในวันนี้หลังจากอ่านรีวิวมานานแสนนาน
เราก็เลือกรถไฟของ Sapaly เนื่องจากสะอาดและดูแล้วคุ้มค่า
มากที่สุดในหลายๆอย่าง โดยปกติแล้วห้องหนึ่งบนรถไฟนั้น
จะแบ่งออกได้ทั้งหมด 4 เตียงด้วยกัน ซึ่งถ้านอนครบทั้ง 4 เตียง
เราจะเหลือค่าโดยสารรถไฟต่อเที่ยวประมาณ 1,000 บาท
แต่ถ้าอยากเหมาห้องหนึ่งไปเลยก็จ่ายทั้ง 4 เตียง ก็สามารถทำได้เช่นกันครับ
ภายในห้องครั้งนี้เราได้เหมาห้องและนอนทั้งหมดสองคน
ทางเจ้าหน้าที่ก็จะจัดให้สองเตียงซ้ายขวาโดยพับเตียงข้างบนขึ้นไป
พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายภายในห้อง แถมห้องน้ำที่นี่
ยังสะอาดและไม่ไกลจากตัวห้องมากนัก ใครหิวยามดึกๆ
ก็สามารถออกไปซื้ออะไรทานกันได้ด้วยครับ อ้อลืมบอกไป
ตอนเช้าเขามีบริการปลุกให้ตื่น และ กาแฟด้วยนะ
Sapa บอกเลยว่าหลังจากที่เราเดินทางจาก LaoCai มาสักพัก
ก็จะถึงเมืองในสายหมอก ท่ามกลางขุนเขาที่เขียวขจี
แอบมีความวุ่นวายของรถบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่เท่ากับในเมือง Hanoi
เพื่อนๆมาที่นี่จะไม่ได้เห็น 7-11 , Family Mart , Lawson
เนื่องจากประชากรของเขาทำธุรกิจค้าขายกันเอง
นอกจากนี้ใครที่คิดว่าเวียตนามไม่หนาวคิดผิดนะจ๊ะ
ใครที่จะมาอย่าลืมเช็คสภาพอากาศให้ดีเพราะตอนที่
เราไปอุณหภูมิอยู่ที่ 18 องศา มีฝนและลมเป็นตัวแปร
เพราะฉะนั้นอย่าลืมพวกเสื้อหนาว หรือ โค๊ทกันลมกันฝนซักตัว
ส่วนบรรยากาศ ของที่นี่อารมณ์เหมือนเราอยู่ในโคเปนแฮเกนในเอเชีย
ได้ฟิวชมเมืองมินิยูโรปผ่านสายน้ำในม่านหมอก คือตรงนี้
จะเป็นทะเลสาบของเมืองซาปาซึ่งใครมาที่นี่ต้องแวะมาชมวิวทิวทัศน์
และ ถ่ายรูปสวยๆกลับไปฝากที่บ้าน เรียกว่าเป็นมุมบังคับกันเลยก็ว่าได้
สถานที่เที่ยวที่นี่มีค่อนข้างหลากหลายกันเลยทีเดียว
โดยครั้งนี้เราได้มีโอกาสชมเมืองภายในกันแล้ว ยังได้มีโอกาส
ไปชมวัฒนธรรม และ ศิลปความงามที่เคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส
ตามรายทางอาจมีภาษาฝรั่งเศสอยู่บ้างไม่ต้องตกใจ ทั้งนี้ยังมีโบสถ์
ร้านค้าตามรายทาง และ ร้านกาแฟเยอะมาก ค่าครองชีพไม่แพงอย่างที่คิด
หลังจากที่เราเดินเที่ยวชมเมืองกันเรียบร้อย เราก็จะเดินทางไป
“ฟานซิปัน” กันโดยเริ่มต้นที่สถานี Sun Plaza เพื่อตรงไปที่
ขึ้นกระเช้าของยอดเขาฟานสิปัน เขาเรียกว่าสูงที่สุดของอินโดไชน่ากันเลย
ใครบอกเวียดนามไม่หนาว อย่าดูถูกนางนะจ๊ะเพราะที่
“ฟานซิปัน” ที่เรามาในวันนี้ฤดูใบไม้ร่วงก็ 3 องศาหมอกหนามากจ้า
แต่ถ้าวันไหนฟ้าเคลียร์ๆหน่อยจะสวยมากบอกเลย
กระเช้ามาแล้วเราขึ้นกระเช้าขึ้นไปด้านบนกัน ซึ่งเราว่าขึ้นไปด้านบน
คือสูงมากและหนาวมาก คือมันไม่ได้หนาวแห้งๆนะ มันหนาวและ
แอบมีละอองฝน ถ้าอุณหภูมิติดลบก็หิมะลงละจ้า ซึ่งหน้าหนาว
ที่นี่มีหิมะจริงๆ เหมาะสำหรับใครที่อยากเที่ยวชมหิมะ
แต่ไม่อยากไปที่ไหนไกลก็มาเวียดนามเลย
“ฟานซิปัน” จุดสูงสุดของยอดเขาอินโดไชน่า ความสูงอยู่ที่ 3,143 เมตร
จากผิวน้ำทะเล บอกเลยว่าขึ้นมาสัมผัสกับความเย็น และ ฟินกับสายหมอก
อย่างแท้จริง อย่าลืมถ่ายรูปสวยๆและบรรยากาศรอบๆกันด้วยนะครับ
ระหว่างทางลงเขาบอกจะมีที่พักตามรายทาง ทั้งวัดจีน และ อาคารต่างๆ
รวมถึงมีร้านค้าให้เราได้ซื้อของกันเล็กน้อยซึ่งครั้งนี้เราไม่ได้ถ่าย
อะไรมาเยอะมากเนื่องจาก หนาว และ ฝนตก จึงต้องบายพาส
นั่งรถรางรีบลงไปด้านล่างกันแทน แอบเสียดายกับสภาพอากาศในวันนี้มาก
สำหรับที่พักในวันนี้ของเราบอกก่อนว่าโชคดีที่เราได้จองห้องพัก
โปรโมชั่นจาก Hotels.com ไว้ล่วงหน้าเกือบสองเดือน ทำให้เราได้มีโอกาส
พักโรงแรมที่เรียกได้ว่า “ที่สุด” ของเมืองซาปานั่นคือ Topas Ecolodge
เพียงติดต่อกับ Topas Office ภายในเมืองก็จะมี Shuttle Bus พาเรา
ไปส่งที่โรงแรม บอกเลยว่าโปรนางเลิศมาก แต่จองยากเช่นกัน
ถ้าใครอยากมาพักฟินๆแบบนี้ต้องรีบจองกันเสียหน่อย
เช็ควันว่างเข้าพัก : https://bit.ly/2FGIaQC
อ่านรีวิว Topas Ecolodge : https://bit.ly/2KAznOW
คือ H I L I G H T ที่นี่อยู่ที่การพักผ่อนแบบสุด Slow Life
เหมือนสวรรค์บนดินจริงๆแก คือมานอนนิ่งๆ แช่น้ำอุ่นๆ
ในสระ Infinity Pool ของเขาท่ามกลางนาขั้นบันได แมกไม้
และ สายหมอก แค่นี้ก็ฟินละ นอกจากบรรยากาศดีแล้ว บอกเลยว่า
ต้องยกให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่ง Dream Destination กันเลยจริงๆ
แอบกรีดร้องอย่างแรงสำหรับสายชิว หากใครมีเวลา
ว่างสักสาม สี่ วัน แล้วอยากหาสถานที่ผ่อนคลายหยุดเวลา
ตัวเองสักพัก “ ซาปา “ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการเดินทาง
ที่ห้ามพลาดกันเลยทีเดียว มากับเพื่อนก็ได้ มากับแฟนก็ดี หรือ
จะพาครอบครัวมาเที่ยวก็สนุกไปอีกแบบ นอกจากจะได้สัมผัส
กับบรรยากาศสุดฟินแล้ว เพื่อนๆจะต้องหลงรักและ
อยากกลับมาที่นี่แบบ Admin อีกครั้งอย่างแน่นอน
12 ก.พ. 2566
26 ก.ย. 2566
14 ต.ค. 2566